สินค้ารายการนี้: เสริมสวย สุขภาพ อาหารเสริม
Hi-Balanz Lycopene ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไลโคพีน สารสกัดจากมะเขือเทศเข้มข้น
Hi-Balanz Lycopene 60 mg. Full Dose (1 แคปซูล เท่ากับการรับประทานมะเขือเทศสุก 15-20 ลูก)
วิธีรับประทาน วันละ 1 แคปซูล หลังอาหารเย็น
อย.เลขที่ 10-1-04741-1-0744
สั่งซื้อได้ที่ --> http://www.hibalanz.com/productshow.php?id_prd=31
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ทรงพลังที่สกัดได้จากมะเขือเทศ
ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวสดใสมีชีวิตชีวา
ช่วยในการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระ
สร้างแผงที่ผนังเซลล์ที่อาจกลายเป็นเนื้อร้ายในภายหลังได้
ผิวสุขภาพดี อมชมพู ลดการเกิดฝ้า กระ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ลดการเผาไหม้ของผิวจากแสงแดดได้ดียิ่งขึ้น
ลดริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้านทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นดูมีเลือดฝาด
ในบรรดาแคโรทีนอยด์ทั้งหมด
ไลโคพีน จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ทรงพลังที่สุด
ไลโคพีน มีฤทธิ์ที่ดีกว่าแบต้าแคโรทีน และ แอลฟาโทโคฟีรอล ถึง 2 และ 10 เท่า ตามลำดับ
ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคพีนเองได้
ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานไลโคปีนเข้าไปจากผักผลไม้ หรืออาหารเสริมสารสกัดจากมะเขือเทศ
Lycopene ไลโคพีน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)
และช่วยในการป้องกันการเสื่อสภาพของเซลล์ในร่างกาย
สารไลโคพีนนี้มีประสิทธิภาพเหนือว่าสารเบต้าเคโรทีน และสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์อื่นๆ
ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และยังพบอีกว่าสารไลโคพีนนั้นสามารถช่วยลด
โอกาสความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในต่อมลูกหมากได้มากถึง 21% และลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
สามารถป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระทำปฏิกิริยาสร้างแผงที่ผนังเซลล์ที่อาจกลายเป็นเนื้อร้ายในภายหลัง
ประโยชน์ของไลโคพีน Lycopene
1. บุคคลที่รับประทานมะเขือเทศบด 40 กรัมต่อวัน ได้รับสารไลโคปีน 16 กรัมต่อวัน
จะมีอัตราของอาการ เผาไหม้ของผิวหนังจากแสงอาทิตย์ลดลง 40%
หลังจากรับประทานมะเขือเทศติดต่อกันนาน 10 สัปดาห์
2. ไลโคปีนช่วยลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
3. ผู้เข้ารับการทดสอบที่รับประทานมะเขือเทศในปริมาณสูงที่สุด 10 ครั้งต่อสัปดาห์
มีอัตราเสี่ยง ในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากต่ำกว่าเมื่อเปรียบ
เทียบกับผู้ที่รับประทานน้อยกว่า 1.5 ครั้งต่อสัปดาห์
4. การรับประทานมะเขือเทศในอัตราสูงจะช่วยลดอัตราการเป็น
โรคมะเร็งต่อมลูกหมากทุกประเภท ได้ถึง 35%
และลดความรุนแรงของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก 53%
5. สารสกัดจากมะเขือเทศที่ประกอบด้วยไลโคปีน 30 มิลลิกรัมต่อวัน
จะช่วยลดการเจริญเติบโตของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
ในคนไข้ภายหลังจากการรักษา โรคมาแล้ว 3 สัปดาห์
6. ไลโคปีนอาจจะมีส่วนสำคัญในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก
โดยจะลดการเกิดเนื้องอกและยับยั้งการพัฒนาวงจรชีวิตของเซลล์ ในช่วงต้นของการเกิดเซลล์มะเร็ง (ระยะ G1)
ไลโคปีนอาจช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
7. บุคคลที่มีสารสกัดพลาสมาไลโคปีนที่สูงที่สุดจะมี
เปอร์เซ็นต์ของการเกิดการหนาตัวของหลอดเลือด IMT (intima-mediated thickness)
ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ของโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดระยะเริ่มต้นได้ต่ำสุด ถึง 90%
ดังนั้นการได้รับไลโคปีนในปริมาณที่สูงอาจช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
8. การรับประทานไลโคปีนสามารถลดอัตราเสี่ยงของการ เป็นกล้ามเนื้อหัวใจอุดตันต่ำกว่า 60%
สำหรับบุคคลที่มีสารสกัดไลโคปีนสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีสารสกัดไลโคปีนต่ำสุดไลโคปีน
อาจจะลดความรุนแรงของการเผาไหม้ของผิวหนังจากแสงอาทิตย์
ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคปีนเองได้
ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานไลโคปีนเข้าไปจากผักผลไม้ หรืออาหารเสริม
โดยไลโคปีนจะไปกระจายอยู่ทั่วไปในเนื่อเยื่อบริเวณที่แตกต่างกัน
โดยส่วนใหญ่พบการสะสมของไลโคปีนมากที่ต่อมหมวกไต ลูกอัณฑะ และตับ
จากการศึกษาวิจัยพบว่าไลโคปีนที่ผ่านกระบวนการใช้ความร้อน (heat processed-lycopene)
เช่น การปรุงอาหาร ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าไลโคปีนในธรรมชาติ
นอกจากนั้น การใช้ความร้อนในการประกอบอาหารยังทำให้ไลโคปีน
ที่อยู่ในผนังเซลล์ของผักและ ผลไม้ละลายออกได้มากขึ้น ทำให้ดูดซึม
ในระบบย่อยอาหารได้ดีกว่ารับประทานแบบสดถึง 2.5 เท่า
ดังนั้นหากจะรับประทานผักและผลไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับไลโคปีน
จึงควรนำผักและผลไม้ไปปรุงให้สุกก่อน
E-Mail : info[At]hibalanz.com
Tel : 02-612-9170, 086-332-0700
Website : http://www.hibalanz.com/productshow.php?id_prd=31