สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
กันยายน 2557 04-06 / 05-07 / 06-08 / 11-13 / 12-14 / 13-15 / 18-20 / 19-21 / 20-22 / 25-27 / 26-28 / 27-29 ก.ย.57 13,900 บาท
ตุลาคม 2557 02-04 / 03-05 / 04-06 / 09-11 / 10-12 / 11-13 / 16-18 / 17-19 / 18-20 / 25-27 / 30 ต.ค.-01 พ.ย.57 / 31 ต.ค.-02 พ.ย.57 15,500 บาท
พฤศจิกายน 2557 01-03 / 06-08 / 07-09 / 08-10 / 13-15 / 14-16 / 20-22 / 21-23 / 22-24 / 27-29 / 28-30 / 29 พ.ย.-01 ธ.ค.57 15,500 บาท
ธันวาคม 2557 04-06 / 05-07 / 06-08 ธ.ค.57 16,900 บาท
ธันวาคม 2557 10-12 / 11-13 / 12-14 / 13-15 / 18-20 / 19-21 / 20-22 / 25-27 / 26-28 / 27-29 ธ.ค.57 15,500 บาท
ธันวาคม 2557 31 ธ.ค.-02 ม.ค.57 17,900 บาท
มกราคม 2557 01-03 ม.ค.58 16,900 บาท
มกราคม 2557 03-05 ม.ค.58 15,900 บาท
วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ – เจดีย์เยเลพญา – พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี – เจดีย์โบตาทาวน์ พระเทพทันใจ – เทพกระซิบ – ตลาดสก๊อต - มหาเจดีย์ชเวดากอง
04.30 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 ประตู 6 สายการบิน นกแอร์ (DD) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทาง สังเกตุป้าย “ทัวร์พม่าดีดี”
06.20 น. ออกเดินทางสู่ เมืองย่างกุ้ง โดยเที่ยวบินที่ DD4230 สายการบิน นกแอร์ (DD)
07.05 น. ถึง สนามบินมิงกลาดง เมืองย่างกุ้ง ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร (เวลาท้องถิ่นที่เมียนม่าร์ ช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองสิเรียม (Thanlyin) อยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งประมาณ 45 กิโลเมตร โดยรถปรับอากาศใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. นำชมความแปลกตาของเมืองที่ซึ่งเคยเป็นเมืองท่าของโปรตุเกสในสมัยโบราณ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำย่างกุ้งที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำอิระวดี จากนั้นชมความสวยงามของ เจดีย์กลางน้ำ หรือ พระเจดีย์เยเลพญา (Kyaik Hwaw Wun Pagoda) เจดีย์จะตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะกลางน้ำเป็นที่สักการะของชาวสิเรียมบริเวณท่าเทียบเรือ สมควรแก่เวลานำท่านกลับกรุงย่างกุ้ง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี หรือ พระนอนตาหวาน (Kyauk Htatgyi Buddha) นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีตาสวยงามที่สุดในประเทศพม่า มีขนตาที่งดงาม ชมพระบาทที่มีภาพมงคล 108 ประการ นำท่านกราบนมัสการ เจดีย์โบตาทาวน์ ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์ นำท่านขอพร นัตโบโบยี หรือ พระเทพทันใจ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบยี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ แล้วเอาไปใส่มือของนัตโบโบยี 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึกกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของนัตโบโบยี แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปราถนาที่ตั้งใจไว้ นำท่านข้ามฝั่งถนน สักการะ เทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว การขอพรเทพกระซิบต้องเข้าไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้ จากนั้ให้ท่านอิสระช้อปปิ้ง ณ ตลาดโบโจ๊กอองซาน (Bogyoke Aung San) หรือ ตลาดสก๊อต (Scot Market) เป็นตลาดเก่าแก่ของชาวพม่า สร้างขึ้นโดยชาวสก๊อตในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เป็นลักษณะอาคารเรียงต่อกันหลายหลัง สินค้าที่จำหน่ายในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายชนิด เช่น เครื่องเงิน ที่มีศิลปะผสมระหว่างมอญกับพม่าภาพวาด งานแกะสลักจากไม้ อัญมณี หยก ผ้าทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป แป้งทานาคา เป็นต้น (หากซื้อสิ้นค้าหรืออัญมณีที่มีราคาสูงควรขอใบเสร็จรับเงินด้วย ทุกครั้ง เนื่องจากจะต้องแสดงให้ศุลกากรตรวจ หมายเหตุ:ตลาดสก๊อต (Scot Market) ปิดทุกวันจันทร์) นำท่านนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) เจดีย์ทองแห่งเมืองดากอง หรือ ตะเกิง (ชื่อเดิมของเมืองย่างกุ้ง) แห่งลุ่มน้ำอิระวดี เจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี มหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า มีความสูงถึง 326 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1100 กิโลกรัม ยอดฉัตรประดับประดาด้วยเพชรพลอยอัญมณีล้ำค่า กว่า 5,548 เม็ด รวมถึงทับทิม ขนาดเท่าไข่ไก่บนยอดองค์พระเจดีย์ชเวดากองเป็นลานกว้างรองรับแรงศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนได้จำนวนมาก บริเวณทางขึ้นทั้งสี่ทิศจะมีวิหารโถงสร้างด้วยเครื่องไม้หลังคาทรงปราสาทปิดทองล่องชาดประดับกระจกทั้งหลัง ภายในประดิษฐานพระประธานสำหรับให้ประชาชนมากราบไหว้บูชา เพราะชาวมอญและชาวพม่าถือการกราบไหว้บูชาเจดีย์ชเวดากองเป็นนิตย์ จะนำมาซึ่งบุญกุศลอันเป็นหนทางสู่การหลุดพ้นทุกข์โศกโรคภัยทั้งมวล บ้างนั่งทำสมาธิเจริญสติภาวนานับลูกประคำ และบ้างเดินประทักษัณรอบองค์เจดีย์ จากนั้นให้ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกันออกไป เช่น สีเหลือง, สีน้ำเงิน, สีส้ม, สีแดง เป็นต้น (สถานที่สำคัญของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง คือ ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้ เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตน จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต)
วันเกิด อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พุธกลางคืน พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์
สัตว์สัญลักษณ์ ครุฑ เสือ สิงห์ ช้างมีงา ช้างไม่มีงา หนูหางยาว หนูหางสั้น พญานาค
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
เข้าสู่พักที่ ณ ASIA PLASA HOTEL // PLESANT VIEW HOTEL ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่สอง ย่างกุ้ง – หงสา – วัดไจ้คะวาย – พระพุทธรูปไจ้ปุ่น – พระธาตุมุเตา – พระราชวังบุเรงนอง – คิมปูนแค้มป์ – พระธาตุอินทร์แขวน (รวมรถขึ้นพระธาตุ)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองหงสาวดี หรือ เมืองพะโค (Bago) ซึ่งในอดีตเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุด ของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่และอายุมากกว่า 400 ปี อยู่ห่างจากย่างกุ้ง (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.) นำท่านร่วมทำบุญตักบาตร ณ วัดไจ้คะวาย ซึ่งเป็นวัดสำคัญมีพระสงฆ์ จำพรรษากว่า 500 รูป อีกทั้งวัดนี้ยัง เป็นสถานที่ศึกษาพระไตรปิฎกของพระภิกษุและสามเณรอีกด้วย (หมายเหตุ: ท่านสามารถนำสมุด ปากกา ดินสอไปบริจาคที่วัดแห่งนี้ได้ หากท่านใดไม่สะดวกสามารถถวายเป็นปัจจัยได้เช่นกัน) จากนั้นนำท่านนมัสการ พระพุทธรูปไจ้ปุ่น (Kyaik Pun Buddha) ซึ่งบูรณะเมื่อ พ.ศ.2019 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่ง โดยรอบทั้ง 4 ทิศ ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณโคดม สัมมาสมพุทธเจ้า (หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับ พระพุทธเจ้าในอดีต 3 พระองค์คือ 1. พระพุทธเจ้า โกนาคมโน (ทิศใต้) 2. พระพุทธเจ้า กกุสันโธ (ทิศตะวันออก) 3. พระพุทธเจ้า มหากัสสะปะ (ทิศตะวันตก) สร้างโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตน ให้กับพระพุทธศาสนา สร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตน ไม่ข้องแวะ กับบุรุษเพศ จะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ต่อมา 1 ใน 4 สาวหนีไปแต่งงาน ร่ำลือกันว่าทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นเกิดรอยร้าวขึ้นทันที
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านชม เจดีย์ชเว-มอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา (Shwe Mordore) ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี พระเจดีย์องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน เก่าแก่กว่า 2,600 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า นำท่านนมัสการ ยอดเจดีย์หักซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก (ณ จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์ และสามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป) ซึ่งเจดีย์นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเคยมาสักการะ เจดีย์องค์นี้เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน พระเจดีย์สูง 114 เมตร สูงกว่า พระเจดีย์ชเวดากอง 14 เมตร มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตร ที่ตกลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2473 ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล ตกลงมายังพื้นล่างแต่ยอดฉัตร กลับยงคงสภาพเดิมและไม่แตกกระจายออกไป เป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์-สิทธ์โดยแท้ และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาลิ้นดำ ใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณเพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชย์ นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังบุเรงนอง สถานที่ซึ่งมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของไทย คือ บริเวณที่เคยเป็นพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 แต่ได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอูในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ในปี พ.ศ. 2142 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็น ผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของ พระนางสุพรรณกัลยา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญ ระหว่างทางท่านจะข้ามผ่านชมแม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งในอดีตขณะที่ สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ได้ถูกทหารพม่าไล่ตามซึ่งนำทัพโดย สุรกรรมาเป็นกองหน้าพระมหาอุปราชาเป็นกองหลวง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนต้นคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกสุรกรรมา แม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นขวัญเสีย จึงถอยทัพ กลับกรุงหงสาวดี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็จะถึง คิ้มปูนแค้มป์ เพื่อทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น เป็นรถบรรทุกหกล้อขนาดเล็ก (เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่เราจะสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้) ใช้เวลาเดินทางสักพัก เพื่อเดินทางสู่ยอดเขา เดินทางถึงที่พัก ให้ท่านอิสระตามพักผ่อนตามอัธยาศัย นำชม เจดีย์ไจ้ทีโย หรือ พระธาตุอินทร์แขวน Kyaikhtiyo Pagoda (Golden Rock) หรือก้อนหินทอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งสิ่งสักการะสูงสุดของชาวพม่า เป็นเจดีย์ขนาดเล็กสูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนศิลาใหญ่ปิดทอง ที่วางหมิ่นเหม่ อยู่บนหน้าผา แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุลเรื่อยไป ตามคติการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนา พระธาตุอินทร์แขวนนี้ให้ถือเป็น พระธาตุปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ โดยเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ ท่านสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน สำหรับท่านที่ต้องการนมัสการกลางแจ้งเป็นเวลานาน ที่บริเวณระเบียงที่ยื่นสู่พระเจดีย์ไจ้ทีโย ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรือกันลมหรือผ้าห่ม ผ้าพันคอ เบาะรองนั่งเนื่องจากบริเวณพื้นที่นั้นมีความเย็นมาก (พระเจดีย์องค์นี้เปิดตลอดคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับสุภาพบุรุษที่เข้าไปปิดทององค์เจดีย์เปิดถึงเวลา 22.00น. ส่วนสุภาพสตรี สามรถอธิฐาน และฝากสุภาพบุรุษเข้าไปปิดแทนได้ ท่านสามารถเตรียมแผ่นทองคำไปเพื่อปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน)
**หมายเหตุ** (กรุณานำกระเป๋าเล็กเตรียมสัมภาระสำหรับ 1 คืน เพื่อขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน)
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เข้าสู่พักที่ ณ KYAIKHTO HOTEL // GOLDEN ROCK // MOUNTAIN TOP // YOE YOE LAY HOTEL ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า จากนั้นท่านสามารถขึ้นไปนมัสการหรือนั่งสมาธิที่พระเจดีย์ได้ตลอดทั้งคืน
วันที่สาม พระธาตุอินทร์แขวน – พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว – เจดีย์กาบาเอ – พระหินอ่อน – ช้างเผือก – กรุงเทพฯ
** อิสระตามอัธยาศัย สำหรับท่านที่ต้องการใส่บาตร, ทำบุญที่พระธาตุอินทร์แขวน (กิจกรรมนี้ไม่บังคับ)สำหรับอาหารที่จะใส่บาตรสามารถซื้อได้โดยจะมีร้านค้าจำหน่าย ราคาอาหาร ประมาณ 3,000 จ๊าต ดอกไม้ธูปเทียน ประมาณ 300-500 จ๊าต ทำบุญตามอัธยาศัย **
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านลงจากพระธาตุอินทร์แขวน โดยรถบรรทุกหกล้อขนาดเล็ก ถึง คิ้มปูนแค้มป์ เปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ นำท่านนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว กราบนมัสการ พระพุทธรูปนอนที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524 ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศ และเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า อีกทั้งท่านสามารถที่จะเลือกหา เครื่องไม้แกะสลัก ที่มีให้เลือกมากมาย ตลอดสองข้างทางและยังสามารถเลือกซื้อ ของฝาก อาทิเช่น ผ้าพม่า ของที่ระลึกต่างๆ ในราคาถูก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม เจดีย์กาบาเอ (World Peace Pagoda) สร้างครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2493-2495 โดยนายอูนุนายกรัฐมนตรีคนแรกของพม่า เพื่อใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2497 – พ.ศ. 2499 และเพื่อให้บังเกิดสันติสุขแก่โลก ล่าสุดใช้เป็นสถานที่ใช้ในการประชุมสงฆ์โลกเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 ที่ผ่านมา ที่สำคัญเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมทั้งพระธาตุของ พระสารีบุตรและพระโมคลานะ นอกจากนั้นยังมีพระมหามุนีจำลอง (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 ของพม่า องค์จริงอยู่ที่มัณฑะเลย์) นำท่านนมัสการ พระหินอ่อน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า จากนั้นชม ช้างเผือก เชือกงามที่สุดในพม่าโดยช้างทั้ง 3 ตัวนี้ มีลักษณะเด่น คือ มีลักษณะผิวพรรณเหลืองทองอร่าม แม้กระทั่งนัยตาของช้างยังเป็นสีทอง ถือว่าเป็นช้างที่หาชมได้ยากที่สุดในเอเชีย ซึ่งคนพม่าเองตามเข้ามาชมและสักการะช้างเผือกเหล่านี้
ค่ำ อิสระตามอธัยาศัย
21.00 น. เดินทางกลับ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ DD4239 สายการบิน นกแอร์
22.45 น. ถึง สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ และประทับใจในบริการ