สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
ราคาทัวร์ 79,900 บาท : 22พ.ย.-1 ธ.ค. / 3-12 ธ.ค./ 23 ม.ค.-1 ก.พ. / 22 ก.พ. – 3 มี.ค.
ราคาทัวร์ 84,900 บาท : 12-21 มี.ค. / 26 มี.ค. – 4 เม.ย.
เทศกาล ราคา 89,900 บาท : 22 – 31 ธ.ค. / 28 ธ.ค.- 6 ม.ค. / 6-15 เม.ย. / 26 เม.ย. – 5 พ.ค.
วันแรก กรุงเทพมหานคร
20.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน U (แถว U 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอิน สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
23.30 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 69 (ใช้เวลาบินประมาณ 8.30 ชั่วโมง)
สายการบินมีบริการ อาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
วันที่สอง อิสตันบูล - บิลเบา
05.40 น. เดินทางถึงกรุงอิสตันบูลแวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน TK1315 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินอิสตันบูลซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
08.40 น. ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล (IST) สู่ สนามบินบิลเบา (BIO)โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส
สายการบินมีบริการอาหารเที่ยงบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 4.20 ช.ม.)
12.00 น. เดินทางถึงสนามบินบิลเบา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบิลเบา (Bilbao) เมืองที่อยู่ในรัฐบิสเคย์ของแคว้นบาสก์ และมีภูเขาล้อมรอบ และเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศสเปน บิลเบายังมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจต่อแคว้นบาสก์และประเทศสเปนในด้านอุตสาหกรรม เมืองท่าที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพอันงดงาม ทั้งทางธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ผสมกลมกลืนกันได้อย่างลงตัว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตคารแบบเอเชีย
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ พิพิธภัณฑ์กุเกนเฮม (Gugenheim Museum) อาคารรูปทรงแปลกตาออกแบบโดย แฟรงค์ เกทรี่สถาปนิกระดับโลกชาวแคนเนเดี้ยน ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงศิลปะสมัยใหม่ปัจจุบัน มีการจัดแสดงศิลปะมากกว่า 100 งาน และมีผู้เข้าชมมากกว่า 1 ล้านคน นับตั้งแต่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 นำท่านผ่านชม นูเอว่าพลาซ่า (Plaza Nueva) เป็นพลาซ่าที่มีความงดงามตามแบบสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย (Neoclassical) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 พลาซ่าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1821 และเคยใช้เป็น ที่ว่าการรัฐบิสเคย์ แต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของตลาดและร้านอาหาร ได้เวลานำท่านชม มหาวิหารซานเตียโก (Cathedral de Santiago) เป็นอาคารที่มีความเก่าแก่ที่สุดในเมืองบิลเบา ว่ากันว่าตัวโบสถ์หลักนั้น ถูกสร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1300 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นมหาวิหารของคริสตศาสนา อย่างเป็นทางการในปีค.ศ. 1950 นำท่านถ่ายรูปกับ Centro Municipal Bilborock-La Merced โบสถ์ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 แต่ในปัจจุบันถูกใช้เป็นแสดงละครและคอนเสิร์ต นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์ San Vicente Martir เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงาม ด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานแบบโกธิคบาสก์และเรเนซองก์ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พักระดับ 4 ดาว Hesperia Zubialde Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่สาม บูร์โกส - บายาโดลิด
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบูร์โกส (Burgos) (ระยะทาง 158 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ช.ม.) เป็นเมืองหลวง ทางประวัติศาสตร์ของแคว้นคาสติลญ่า เป็นบ้านเกิดของเอลซิด (El Cid) อัศวินผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรคาสติลญ่าในช่วงศตวรรษที่ 11 นำท่านเข้าชม มหาวิหารบูร์โกส (Burgos Cathedral) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุด เป็นอันดับ 3 ของประเทศสเปนและสวยงามแบบโกธิก ได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1984 สร้างขึ้นโดยบิชอป ดอน เมาริซิโอ และพระเจ้าเฟอนันโด ที่ 3 ในปีค.ศ. 1221 และได้มีการต่อเติมในส่วนต่างๆ จนแล้วเสร็จในช่วงศตวรรษที่ 16 ได้เวลานำท่านเยี่ยมชม ปราสาทบูร์โกส (Burgos Castle) เป็นปราสาทที่มีความสง่างามตั้งอยู่บนที่ราบสูง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 884 โดย Conde Diego Rodriguez Porcelos และถูกบูรณะในรัชสมัยของ พระเจ้าอัลฟองโซที่ 8 แห่งคาสติลญ่าและพระเจ้าเอนริเก้ที่ 4 ตามลำดับ แต่ก็ได้ถูกทำลายจนเกือบหมดโดยกองทัพฝรั่งเศสของ นโปเลียน ในปี ค.ศ. 1813
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองบายาโดลิด (Valladolid) (ระยะทาง 127 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) เป็นเมืองสถาปัตยกรรมและแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของแคว้นคาสติลและลีออน นำท่านเยี่ยมชม พลาซ่ามายอร์ (Plaza Mayor) ซึ่งเป็นจตุรัสกลางเมืองแห่งแรกของประเทศสเปน แต่เดิมนั้นถูกสร้างขึ้นให้เป็นตลาดในช่วงกลางศตวรรษที่ 13 จนกระทั่งพระเจ้าฟิลิปป์ที่ 2 ทรงบูรณะและสร้างใหม่ให้เป็นจตุรัสกลางเมืองอีกทั้งยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ในแคว้นคาสติลญ่าและลีออนในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 นำท่านแวะถ่ายรูปกับ มหาวิทยาลัยบายาโดลิด (University of Valladolid) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสเปน และเป็นหนึ่งใน มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1241 โดยพระเจ้าอัลฟองโซที่ 8 แห่งคาสติลญ่า พระองค์ทรงมีพระราชดำริที่จะเผยแพร่ความรู้ ให้แก่ประชาชนในเมืองบายาโดลิดไปจนถึง เมืองเซโกเบีย โซเรีย และ บาเลนเซีย โดยตัวอาคารนั้น ดูสวยงามแบบสถาปัตยกรรมบาโรคและโกธิค
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่ AC Palacio Santa Ana Hotel**** หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ ลีออน - พอนเฟอราด้า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลีออน (Leon) (ระยะทาง 137 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ช.ม.) เป็นเมืองที่มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในอดีตเมืองแห่งนี้ถูกใช้เป็นเมืองหลัก ในการขยายอำนาจของอาณาจักรโรมันมายังคาบสมุทรไอบีเรียน นำท่านเข้าชมถ้ำวัลปอเกรโร่ (Cuevas de Valporquero) เป็นถ้ำที่มีความสวยงามของหินงอกหินย้อยเป็นอย่างมาก รวมไปถึงทิวทัศน์และทัศนียภาพภายใน ส่วนภายนอกของถ้ำนั้นเต็มไปด้วยความสดชื่นและเขียวชะอุ่มของธรรมชาติ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับสำนักงานใหญ่ธนาคาร Caja Espana (Casa Bontines) ที่มีความสง่างามสร้างและออกแบบโดย อันโตนิโอ เกาดี้ สถาปนิกเอกแห่งสเปนในศตวรรษที่ 19 จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ หอพักนักเรียนโรงเรียนซานมาคอส (Convento de San Marcos) เป็นหอพักที่มีความสวยงามทั้งภายนอก และภายในตามแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคและเรเนซองก์ แต่เดิมนั้นถูกสร้างขึ้นมาเป็นโบสถ์และโรงพยาบาล ในช่วงศตวรรษที่ 12 ต่อมาได้ถูกกลายสถานภาพให้เป็นทั้งกอง ทบวง กรมต่างๆ รวมไปถึงที่คุมขังนักโทษ ทางการเมืองในอดีต
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (ลิ้มลองเมนู ทาปาส)
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองพอนเฟอราด้า (Ponferrada) (ระยะทาง 113 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) อยู่ในเขตเมืองลีออนแห่งแคว้นคาสติลญ่าและลีออน เมืองแห่งนี้มีภูเขาล้อมรอบและตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำซิล (Sil River) ซึ่งใช้เป็นเส้นทางในการนำอัฐิของนักบุญเจมส์ไปยังเมืองซานเตียโกโดยทางเรือในช่วงศตวรรษที่ 6 ระหว่างการเดินทางท่านจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ทางธรรมชาติ จากนั้นนำทุกท่านเข้าชมปราสาทอัศวินเทมพลาร์ (Façade of the Templar Castle) อันสง่างามถือเป็นสถานที่สำคัญเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ถูกสร้างในช่วงศตวรรษที่ 12 ปราสาทแห่งนี้ นอกจากเป็นที่พำนักของเหล่าอัศวินเทมพลาร์แล้ว ยังเป็นแหล่งศึกษาและฝึกอัศวินเทมพลาร์ ที่ถูกฝึกเพื่อปกป้องและป้องกันเส้นทางการเดินทางจากตะวันออกกลางไปยังเมืองซานเตียโกอีกด้วย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณท์ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมชีวิตความเป็นอยู่ของเหล่าอัศวินเทมพลาร์ในอดีต จากนั้นนำทุกท่านเยี่ยมชม โบสถ์เซนต์โธมัส (Hermitage of Santo Tomas de las Ollas) สร้างขึ้นในสมัย ศตวรรษที่ 10 เป็นโบสถ์ขนาดเล็กที่มีการผสมผสานกันระหว่างศิลปะการก่อสร้างแบบลอมบาร์ดของอิตาลี และโมซาราบิคของสเปน อีกทั้งภายนอกยังตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรค และเรเนซองก์ได้อย่างลงตัว ได้เวลานำทุกท่านเยี่ยมชม โบสถ์พระแม่มารีแห่งลาเอนซิน่า (Basilica de la Virgen de la Encina) เป็นมหาวิหารที่ก่อสร้างตาม สถาปัตยกรรมแบบเรเนซองก์ โบสถ์หลังเดิมนั้นสร้างขึ้นในสมัย ศตวรรษที่ 12 แต่เนื่องจากได้เกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนักของเรื่องโครงสร้างและสถานที่ก่อสร้างไม่เหมาะสม ทางศาสนจักรจึงได้มีคำสั่งให้รื้อถอนและเริ่มก่อสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1573 จนเสร็จสิ้นในปีค.ศ 1670 รวมระยะเวลาการก่อสร้างเกือบศตวรรษ เนื่องจากระหว่างการก่อสร้างต้องเจอโรคระบาดและประสบ ปัญหาทางด้านการเงิน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ลาส เมดูลาส (Las Medulas) เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ อดีตสถานที่แห่งนี้จักรวรรดิโรมันเคยมาขุดทองเพื่อนำไปพัฒนาประเทศของตนเองตั้งแต่ปีค.ศ. 77 โดย นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าเหมืองทองแห่งนี้สามารถผลิตทองได้ 20,000 โรมันปอนด์ต่อปี และมีคนงาน เคยทำงานที่นี่ไม่ต่ำกว่า 60,000 คนและผลิตทองได้กว่า 5,000,000 โรมันปอนด์ตลอดระยะเวลา 250 ปี อีกทั้งที่แห่งนี้ยังมีทัศนียภาพอันสวยงาม จนทำให้องค์กรยูเนสโก้ได้จดทะเบียนให้พื้นที่ในเขตลาส เมดูลาส เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก AC Ponferrada Hotel**** หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า อูเรนเซ - ซานเตียโก
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอูเรนเซ (Ourense) (ระยะทาง 157 กม. ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) เป็นเมืองเก่าที่มีความงดงามในด้านสถาปัตยกรรมมาตั้งแต่สมัยโรมัน และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนบูร์โก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม และเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่จัดได้ว่ามีคุณภาพดีที่สุดทางตอนเหนือของสเปนและแคว้นกาเลอิค นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สะพานหินพอนเต้เวลล่า (Roman bridge Ponte Vella) เป็นสะพานที่มีความยาวถึง 372 เมตร เพื่อข้ามแม่น้ำมินโญ่ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเมืองอูเรนเซที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 นำทุกท่านเยี่ยมชมย่านเมืองเก่า (Old Town) ที่ยังคงอนุรักษ์ความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมต่างๆเอาไว้ รวมไปถึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างมากในด้านศาสนาในช่วงศตวรรษที่ 12-15 นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งอูเรนเซ (Ourense Catherdal) เป็นสถานที่สำคัญของศาสนาคริสต์ในสเปน อีกทั้งยังเป็น มหาวิหารที่มี การผสมผสานกันของสถาปัตยกรรมแบบโรมันเนสก์ โกธิค เรเนซองค์และบาโรค มหาวิหารแห่งนี้ เดิมถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 572 เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญมาร์ตินผู้ล่วงลับ จากนั้นได้มีการบูรณะและแปลงสภาพ ให้เป็นที่พำนักของบิชอปลอเรนโซในสมัยศตวรรษที่ 12 – 13
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองซานเตียโก (Santiago) (ระยะทาง 108 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง) เมืองหลวงของแคว้นปกครองกาลิเซียที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองลาคอรุนญ่า ปัจจุบันเมืองแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยม เยือนอย่างไม่ขาดสาย เพื่อชมความงดงามของย่านเมืองเก่าที่ผสมผสาน สถาปัตยกรรม แบบโรมันเนสก์, โกธิค บาโรคได้อย่างลงตัวจนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์กรยูเนสโก้ (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1985 จากนั้นนำทุกท่านเข้าชม มหาวิหารซานเตียโกเดกอมโปสเตลา (The Cathedral of Santiago de Compostela) ชื่อของมหาวิหารแห่งนี้มาจากภาษาลาตินซึ่งแปลว่า “นักบุญเจมส์ในทุ่งแห่งดวงดาว” เนื่องจากว่าชาวคริสต์นั้นมี ความเชื่อว่าอัฐิของนักบุญเจมส์ได้ถูกนำกลับมาจากตะวันออกกลางแล้วนำมาประดิษฐานในมหาวิหารแห่งนี้ จึงทำให้มีชาวคริสต์ที่มีความศรัทธามักเดินทางมา แสวงบุญ ณ มหาวิหารแห่งนี้ มหาวิหารซานเตียโก เดกอมโปสเตลาถูกสร้างขึ้นจากหินแกรนิตโดยมี มหาวิหารแซงค์เซอแนงในเมืองตูลูสของฝรั่งเศสเป็นต้นแบบ และสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบโรมันเนสก์ ตามพระประสงค์ของพระเจ้าอัลฟองโซ่ที่ 6 แห่งคาสติลญ่าในปี ค.ศ. 1075 และได้มีการต่อเติมหอคอย สไตล์บาโรคในรัชสมัยของพระเจ้าเฟอร์นันโดในปี ค.ศ.1740 จากนั้นนำทุกท่านแวะชมความงดงามของ จตุรัสปราเทเรส (The Square of the Romanesque façade das Praterias) ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของมหาวิหาร จตุรัสแห่งนี้เป็นจตุรัสแห่งเดียวที่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรม โรมันเนสก์ นำทุกท่านแวะถ่ายรูปคู่กับ หอนาฬิกา (Clock Tower) หรือ เบเรนกูเอล่า (Berenguela) ซึ่งตั้งอยู่ ทางทิศตะวันออกของมหาวิหารและหันหน้าไปทาง ควินทาน่าพลาซ่า (Praza da Quintana)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบเอเชีย
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก NH Obradoiro Hotel**** หรือเทียบเท่า
วันที่หก บีโก้ - เวียนา โดคาสเตโล – ปอร์โต้ (พักค้าง 2 คืน)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบีโก้ (Vigo) (ระยะทาง 89 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแคว้นกาลิเซียติดมหาสมุทรแอตแลนติค และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทะเลที่สำคัญของประเทศสเปนในอดีตกาล ป้องกันการรุกรานมานับต่อนับ ทั้งกองเรือชาวไวกิ้งแห่งสแกนดิเนเวีย กองเรือตุรกีแห่งออตโตมัน และกองเรือฝรั่งเศสของนโปเลียน นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ควินโนเนสเดอเลออน (Pazo Quinones de Leon) อดีตบ้านโบราณยุคปลายศตวรรษที่ 16 สร้างขึ้นโดยกัปตันจอห์น ตาวาเรส ซึ่งภายหลังตกอยู่ภายใต้การดูแลของ มาควิส เฟอร์นานโด ควินโนเนส เดอเลออน ภายในตัวบ้านยังคงความสวยงามตามแบบฉบับของบ้านผู้ดีชาวสเปนไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังประดับประดาไปด้วยภาพวาดศิลปะสีน้ำมันอันงดงาม และโบราณวัตถุอันสำคัญของเมืองบีโก้ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 15 ซึ่งร่วมกันบริจาคโดยสภาเมืองบีโก้
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวียน่าโดคาสเตโล (Viana do Castelo) (ระยะทาง 96 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เมืองริมทะเลทางตอนเหนือของประเทศโปรตุเกส ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญที่พ่อค้าวาณิชและนักเดินเรือสมุทรต้องแวะเวียนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันในยุคศตวรรษที่ 16 ได้เวลานำท่านแวะชม มหาวิหารซานต้าลูเซีย (Santa Luzia Basilica) โบสถ์นีโอไบเซนไทม์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นอยู่บนเขาซานต้าลูเซีย โดยถอดแบบจำลองการก่อสร้างมาจากโบสถ์ Sacre Coeur ในปารีส ภายในประดับด้วยภาพเขียนสีเฟรสโก้อันมีชื่อเสียง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปอร์โต้ (Porto) (ระยะทาง 75 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดูว์โรทางเหนือของโปรตุเกส หนึ่งในเมืองศูนย์กลางเก่าแก่ของยุโรป อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโปรตุเกส และเมืองท่าที่สำคัญ และมีชื่อเสียงอย่างมากทางด้าน ไวน์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำเมาชั้นดีของคนที่รักการดื่ม ด้วยปัจจัยเหล่านี้ องค์การยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนเมืองปอร์โต้เป็นเมืองมรดกโลกในปีค.ศ. 1996
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Porto Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด ปอร์โต้ – ชมเมือง - ชิมไวน์ – ล่องเรือแม่น้ำดูวโรว์
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมความงามของ เมืองมรดกโลกปอร์โต้ โดยเริ่มจากย่านจตุรัสอเลียโดส หรือ Praça dos Liberdade เป็นจตุรัสใจกลางเมืองปอร์โต้ ที่ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง (City hall) จตุรัสแห่งนี้เป็นจตุรัสขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งรวมอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของปอร์โต้ จากนั้นนำท่านชม สถานีรถไฟ São Bento ซึ่งเป็นอาคารสถานีรถไฟโบราณ ภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีและลวดลายสีน้ำเงิน บอกเล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์หลักที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง Sé Catedral อายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกสเพื่อออกแสวงดินแดนใหม่ จนโปรตุเกสมีอาณานิคมมากมายทั่วโลก และโปรตุเกสคือประเทศตะวันตกประเทศแรกที่มาติดต่อกับไทยในปี พ.ศ. 2054 โบสถ์แห่งนี้สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง และ แม่น้ำดูว์โร เป็นจุดชมวิวที่สวยอีกจุด อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารแบบจีน
บ่าย นำท่านสู่แหล่งผลิตไวน์ชื่อดังของปอร์โต้ ท่านจะได้เห็นกรรมวิธีการหมักบ่มไวน์ และถังไม้โอ๊คขนาดใหญ่ที่เรียงรายมากมาย ให้ท่านได้ ลองชิมไวน์ของปอร์โต้ หรือจะเลือกซื้อช็อคโกแลตของฝากที่ผสมไวน์ของเมืองปอร์โต้ จากนั้นนำท่าน ล่องเรือในแม่น้ำดูว์โร ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเมืองปอร์โต้ ท่านจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำ และล่องผ่านสะพานเหล็ก Ponte de D.Luis I สะพานเหล็ก 2 ชั้นที่มีชื่อเสียงของเมืองปอร์โต้ สร้างและออกแบบโดยคนที่สร้างหอไอเฟล ด้านหลังคือเขตเมืองเก่าของปอร์โต้ ด้านบนเอาไว้ให้คนเดินและรถเมโทรวิ่ง ส่วนด้านล่างเอาไว้ให้รถยนต์วิ่ง สำหรับปอร์โต้นี้ มีการสร้างสะพานเหล็กเชื่อมระหว่างเมืองสองฝากฝั่งถึง 7 สะพาน ซึ่งมีความสวยงามมาก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Porto Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่แปด โกอิมบรา
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโกอิมบรา (Coimbra) (ระยะทาง 123 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เป็นอีกเมืองสำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก (Mondego) สมัยโรมันปกครองเมืองนี้ได้รับการเรียกขานว่า เอมีเนียม แต่ในปี ค.ศ. 711 เมืองนี้ถูกปกครองโดยชาวแขกมัวร์ และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางตอนเหนือ และชาวมุสลิมทางตอนใต้ และในปี ค.ศ. 1064 กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะชาวแขกมัวร์ และปลดปล่อยเมืองโกอิมบราจากการปกครองของชาวมัวร์ นำท่านผ่านชม มหาวิทยาลัยโกอิมบรา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก่อตั้งในปี ค.ศ. 1290 โดยกษัตริย์ Kind Dinis I และในปีค.ศ. 1338 กษัตริย์ Afonso IV ได้ทำการย้ายมหาวิทยาลัยและสร้างมหาวิทยาลัยใหม่ที่กรุงลิสบอน และในปีค.ศ. 1537 กษัตริย์ King John ที่ 3 ได้เปลี่ยนเป็นพระราชวังหลวง (Coimbra Royal Palace) นำท่านชมและถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญภายในมหาวิทยาลัย ที่ยังคงศิลปะสไตล์บาโรค
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองซินทรา (Sintra) (ระยะทาง 223 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เมืองเล็กๆ สงบกลางป่า บนยอดเขามีปราสาทพีน่า (Pena Castle) ปราสาทยุคอัศวินซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้กลางอุทยานแห่งชาติ เมืองซินทราได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1995 เมืองนี้เป็นที่ตั้งของพระราชวังแห่งชาติ (National Palace) พระราชวังเคลุซ (Queluz) นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองนี้เมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรป นำท่านชมตัวเมืองเก่าซินทราที่มีอายุมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 และเข้าชมพระราชวังหลวง The Royal Palace (The Palacio Nacional da Vila) อดีตพระราชวังหลวงที่ประทับแห่งราชวงศ์มาตั้งแต่ศตวรรษที่16 ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองลิสบอน (Lisbon) (ระยะทาง 33 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่ Holiday Inn Lisbon Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่เก้า ลิสบอน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชม กรุงลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของโปรตุเกสตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตจู้ (Tejo) เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี เคยประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารเก่าแก่โบราณได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้นำคนสำคัญของเมืองในสมัยนั้น คือ มาร์คิส เดอร์ ปองปาล (Marquis de Pombal) ได้เริ่มบูรณะและจัดวางผังเมืองลิสบอนใหม่ให้ทันสมัย เกิดการสร้างถนนและอาคารสมัยใหม่กลายเป็นเมืองลิสบอนที่สวยงามมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองจนถึงปัจจุบัน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ หอคอยเบเล็ง (Belem Tower) เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือ เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของ วาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม จากนั้นนำท่านบันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบรอบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของ เจ้าชายเฮนรี่เดอะเนวิเกเตอร์ จากนั้นนำท่านเข้าชมมหาวิหารเจอโรนิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโก ดากามา ซึ่งได้เดินเรือสู่ประเทศอินเดียได้เป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ.1498 โดยมหาวิหารแห่งนี้เป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1983
12.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินลิสบอน (LIS) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund
15.45 น. ออกเดินทางจากสนามบินลิสบอนกลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TK1760 (ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง) บริการอาหารค่ำ เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่องบิน
22.15 น. เดินทางมาถึงนครอิสจันบูล แวะเปลี่ยนเครื่อง
วันที่สิบ กรุงเทพมหานคร
00.40 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ TK68 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหารเช้า
14.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)