ข้อมูลประกาศ 010039
  • 79,900 บาท
ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 023314146,0922518139
  • 22 ก.ย. 2557 15:59 น.

99KEP-EK-GRAND-SPAIN

สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
ราคาทัวร์ 79,900 บาท : 21-30 พ.ย./ 2-11 ธ.ค./ 22-31 ม.ค./ 20 ก.พ.- 1 มี.ค./ 12-21 มี.ค./ 20-29 มี.ค.
ปีใหม่ ราคา 85,900 บาท : 25 ธ.ค. - 3 ม.ค. (กรุ๊ปเดียวเท่านั้น)
ราคา 89,900 บาท (เฉพาะ สงกรานต์ รวมวีซ่า) : 10-19 เม.ย. 58 / 26 เม.ย.-5 พ.ค. 58
วันแรก กรุงเทพมหานคร

23.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน T (แถว T 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส (EK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่สอง ดูไบ - มาดริด

02.40 น. ออกเดินทางสู่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบิน EK 419 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.45 ชั่วโมง) สายการบินฯมีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบินสู่ มหานครดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
05.45 น. เดินทางถึงนครดูไบแวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน EK141 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินดูไบ ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย
07.50 น. ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ (DXB) สู่สนามบินมาดริด (MAD) โดยสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส
สายการบินฯมีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินสู่ กรุงมาดริด ประเทศสเปน (ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชม.)
13.45 น. เดินทางถึงสนามบินมาดริด ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

บ่าย นำท่านเข้าชม อารามหลวงซานโลเรนโซ่ เดอ เอลเอสคอเรียล (The Royal Monastery of San Lorenzo de El Escorial) สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่รวมทั้ง พระราชวัง อารามหลวง และที่ฝังพระศพของกษัตริย์สเปนในอดีต เอาไว้ภายในพื้นที่เดียวกัน ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1563-1584 ภายหลังจากที่กษัตริย์ฟิลลิปที่สอง ทรงทำสงครามมีชัยต่อฝรั่งเศสในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ.1557 นอกจากโครงสร้างภายนอกอันใหญ่โตมโหฬารแล้ว สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดภายในอารามหลวงแห่งนี้ คือ รอยัลแพนธีออน หรือที่เก็บพระศพของบรรดากษัตริย์ พระราชินีและเจ้านายน้อยใหญ่ภายในราชวงศ์ นอกจากนั้นก็ยังมีห้องสมุดสไตล์บารอคอันสวยงาม และพิพิธภัณฑ์ศิลป์ซึ่งรวบรวมภาพวาดของจิตรกรชื่อดังมากมาย ทั้งจากอิตาลี เยอรมัน และสเปน ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงมาดริด (Madrid) เมืองหลวงของประเทศสเปน เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่สองได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่เมืองนี้ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่ ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่สาม ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองวัลลาโดลิด มาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป


จากนั้นนำท่านสู่ พลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์หมีกับต้นมาโดรนา สัญลักษณ์ของเมือง มีเวลาให้ท่านอิสระและช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบจีน

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Aye Gran Colon Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่สาม มาดริด - เซโกเวีย - ซาลามังก้า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่กรุงมาดริด เพื่อ เข้าชมพระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆอาทิ พัดโบราณ นาฬิกา หนังสือ เครื่องใช้ อาวุธ นำท่านชมอุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล ดอกไม้งดงามตลอดปี ชมอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ (หากพระราชวังหลวงปิด ซึ่งทางพระราชวังจะไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า บริษัทจะจัดให้ท่านได้เข้าชมพระราชวังฤดูร้อน อรานคูเอซ (Placio Real De Aranjuez) แทน ซึ่งพระราชวังดังกล่าวเป็นอดีตพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์สเปน สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับความตระการตาของโคมไฟแชนเดอเรียร์และภาพวาดอัดงดงามที่ประดับประดาอยู่ภายในพระราชวัง) จากนั้นนำท่านผ่านชมน้ำพุไซเบเลส (Cibeles Fountain) ที่สร้างอุทิศให้แก่เทพธิดาไซเบลีน เป็นสถานที่ที่ใช้ในการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆของเมือง ผ่านชมประตูชัยอาคาล่า (Puerta De Alcala) ที่สร้างถวายพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเซโกเวีย (Segovia) (ระยะทาง 90 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) เป็นเมืองหลักของจังหวัดเซโกเวีย ในแคว้นคาสตีลและเลออนของประเทศสเปน ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเอเรสมา (Eresma) กับแม่น้ำกลาโมเรส (Clamores) ณ เชิงเขากวาดาร์รามา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (ลิ้มลอง เมนูหมูหัน อันเลื่องชื่อ)

บ่าย นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งเมืองเซโกเวีย (Segovia Cathedral) และสะพานส่งน้ำโรมันที่มีชื่อเสียง (Roman Aquaduct) นำชมเขตเมืองเก่าซึ่งล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 จากนั้น นำท่านเข้าชมปราสาทแห่งเซโกเวียหรือปราสาทอัลกาซาร์ หลายคนเรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทแห่งเทพนิยาย เพราะความสวยสง่างามที่มองเห็นได้จากภายนอก ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูงที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 แล้วได้รับการต่อเติมในศตวรรษที่ 15 - 16 มีลักษณะเหมาะแก่การตั้งรับข้าศึกในอดีต เพราะมีทั้งช่องเชิงเทินขนาดใหญ่ ใช้สำหรับติดตั้งอาวุธ และมีช่องสำหรับเทน้ำเดือดและกรวดร้อน เพื่อทำลายกองทัพข้าศึกที่เข้าประชิดกำแพงเมือง ภายในปราสาทได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับแสดงของมีค่าทางประวัติศาสตร์ ห้องใต้หลังคาเป็นที่แสดงแสนยานุภาพของอาวุธในสมัยกลาง รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้ในอดีต และในปี ค.ศ. 1975 ยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองเซโกเวียเป็นเมืองมรดกโลกทางศิลปะวัฒนธรรม



ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลามังกา (Salamanca) (ระยะทาง 170 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.) เมืองนี้ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน บนที่ราบสูงริมแม่น้ำตอร์เมส ในอดีตเมืองซาลามังกาเป็นเมืองที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการค้าขายเมื่อครั้งสมัยโรมันยังเรืองอำนาจอยู่ เป็นหนึ่งในเมืองของเขตแคว้นคาสทิล แอนด์ ลิออง (Castile and Lyon) ซึ่งเป็นเขตปกครองอิสระที่ใหญ่ที่สุดในสเปน และด้วยความที่สามารถรักษาความเก่าแก่แห่งสถาปัตยกรรมในอดีตไว้ได้อย่างดี เมืองนี้จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1988 ได้เวลานำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิทยาลัยซาลามังกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศสเปนยาวนานถึง 700 ปี นับว่ามีอายุเก่าแก่ไม่แพ้มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอื่นๆในยุโรป อย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมสำคัญของซาลามังกาคือ มหาวิหาร พระราชวัง และตัวอาคารหลายแห่งของมหาวิทยาลัยยังคงมีสภาพสมบูรณ์ จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1988 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เขตเมืองเก่าของซาลามังกาเป็นเมืองมรดกโลก และในปี ค.ศ. 2002 ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงด้านวัฒนธรรมของยุโรปร่วมกับเมืองบรูจส์ของเบลเยียม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารแบบจีน

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่ Euro Stars Las Claras Hotel**** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ คาเซเรส - เซบีย่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคาเซเรส (Caceres) (ระยะทาง 202 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ช.ม.) เมืองหลวงของจังหวัดคาเซเรส และยังเป็นเมืองที่มีอาณาเขตกว้างขวางที่สุดในประเทศสเปน (1,750 ตารางกิโลเมตร) แต่มีประชากรอาศัยอยู่เพียงไม่เกินแสนคน นำท่านเที่ยวชม เขตเมืองเก่าของเมืองคาเซเรส หนึ่งในเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน รับรองโดยยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ.1986 เมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อ 25 ปีก่อนคริสต์กาลโดยกองทัพชาวโรมันที่ขยายอาณานิคมเข้ามาถึงดินแดนคาตาเนียในอดีต ถูกปกครองโดยหลายชนชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้อารยธรรมหรือบรรยากาศในเขตเมือง จะมีกลิ่นอายของหลายวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นโรมัน มัวริช โกธิค และอิตาเลี่ยนเรเนซองส์

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซบีย่า (Seville) (ระยะทาง 265 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ช.ม.) ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นอันดาลูเซีย เป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี สวนสาธารณะและสวนดอกไม้ งานเทศกาลที่จัดขึ้นในเมืองเซบีย่าได้รับการกล่าวขานมากที่สุด เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในแคว้นอัลดาลูซีย เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของแขกมัวร์มานานกว่า 800 ปี จึงได้รับอิทธิพลศิลปะแบบแขกมัวร์ค่อนข้างมาก นำท่านเข้าชมมหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้ ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธี ที่ทำมาจากทองคำและเงิน ล้วนแล้วแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของสุสานคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำพร้อมชมโชว์ระบำฟลาเมนโก้อันเลื่องชื่อของสเปน
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Melia Sevilla Hotel**** หรือเทียบเท่า


วันที่ห้า รอนด้า - มาลาก้า

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองรอนด้า (Ronda) (ระยะทาง 128 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.)เมืองเก่าแก่ที่อยู่ในชุมชนอิสระเล็กๆแห่งแคว้นแอนดารูสเซีย มีประชากรเกือบ 4 หมื่นคน ปัจจุบันเป็นเมืองมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของสเปน และมีประวัติศาสตร์น่าสนใจนับตั้งแต่การค้นพบทางโบราณคดีว่าเมืองนี้อยู่ในยุคนีโอลิทิค ตั้งบนที่ราบสูง และมีแม่น้ำเอลทาโจไหลผ่านหุบเขาที่มีชื่อเดียวกัน โดยมีสะพานที่มีชื่อเสียงชื่อว่า ปูเอนเต้นูโว (Puente Nuevo) สร้างในศตวรรษที่ 18 พาดเชื่อมหุบเขาเอาไว้ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ระเบียงชมวิวในสวนสาธารณะ Alameda Del Tajo สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองรอนด้าในวันสุดสัปดาห์ ซึ่งตั้งอยู่บนหุบเขาที่มีความสูงกว่า 150 เมตรเลยทีเดียว นำท่านเข้าชมบูลริงมิวเซี่ยม (Bull Ring Museum) สนามประลองระหว่างมาธาดอร์และวัวกระทิง สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 18 โดยภายในสนามสามารถจุผู้ชมได้ถึง 5,000 คนด้วยกันภายในพิพิธภัณฑ์ได้บอกเล่าประวัติความเป็นมาของตระกูลนักสู้วัวกระทิงแห่งเมืองรอนด้า ประเพณีการแสดงต่อสู้กับวัวกระทิงจะจัดเพียงปีละสองครั้งเท่านั้น ซึ่งจัดขึ้นในวันศุกร์และเสาร์แรกของเดือนกันยายน วัวกระทิงที่เข้าประลองการต่อสู้กับมาธาดอร์จะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 4 ปี และมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยที่ 500 กิโลกรัมเลยทีเดียว นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สะพานปูเอนเต้นูโว (Puente Nouvo) สะพานยุคศตวรรษที่ 18 ใช้เวลาสร้างกว่า 42 ปีด้วยกัน ซึ่งเชื่อมเมืองทั้งสองฝั่งของสะพานไว้ด้วยกัน โดยฟากหนึ่งเป็นย่านเมืองเก่าของชาวมัวร์มีตึกเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นที่ตั้งของ พระราชวังของกษัตริย์ชาวมัวร์ อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำอยู่อาศัยโดยชาวคาทอลิค และหากมองจากมุมสูงลงไปยังพื้นที่เบื้องล่างจะทำให้เห็นความต่างได้อย่างชัดเจน โดยด้านบนเป็นเมืองเก่าแก่มีร่องรอยวัฒนธรรมมากมาย ขณะที่พื้นที่ราบด้านล่างเป็นพื้นที่เกษตรกรรม อิสระให้ท่านถ่ายรูปกับสะพานปูเอนเต้นูโวยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า



เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองมาลาก้า (Malaga) (ระยะทาง 102 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของแคว้นอันดาลูเซียแห่งประเทศสเปน เมืองชายทะเลแห่งนี้จัดได้ว่าเป็นเมืองที่คึกคักมากเมืองหนึ่ง เพราะมีท่าเรือพาณิชย์ซึ่งเป็นที่จอดเรือเดินสมุทรทั้งหลาย และอยู่ห่างจากช่องแคบยิบรอลต้าประมาณ 100 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรปตะวันตก สืบเนื่องมาจากการก่อตั้งของเมืองนับตั้งแต่ 2,800 ปีก่อน และยังคงกลิ่นอายของความเป็นโรมัน เนื่องจากเคยถูกปกครองโดยชาวโรมันกว่า 500 ปีในช่วงยุค 200 ปีก่อนคริสตกาลจนกระทั่งศตวรรษที่ 300 และเมืองมาลาก้ายังเป็นบ้านเกิดของศิลปินและจิตรกรเอกของโลกนาม ปิกัสโซ่ (Picasso) บุคคลผู้ซึ่งได้รับการยกย่องจากนิตยสาร TIME ว่าเป็นศิลปินผู้มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์มากที่สุดในยุคศตวรรษที่ 20 นำท่านแวะถ่ายรูปกับ รูปปั้นปิกัสโซ่บนม้านั่ง จิตรกรเอกประจำเมือง ณ Charity Square และบ้านตรงหัวมุมที่มีศิลปะแปลกตาคืออดีตบ้านของปิกัสโซ่นั่นเอง ปัจจุบันถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเกิดของปิกัสโซ่ จากนั้นนำท่านเข้าชม ป้อมปราการราชวังอัลคาซาบา (Alkazaba) ป้อมปราการโบราณในยุคศตวรรษที่ 11 สร้างขึ้นโดยแขกมัวร์ และใช้เป็นจุดยุทธศาตร์สำคัญในการเฝ้าระวังการรุกรานของข้าศึกจากฝั่งแอฟริกา ด้านนอกเป็นกำแพงสองชั้นไว้ป้องกันข้าศึกได้อย่างแน่นหนา ด้านในเป็นราชวังขนาดย่อมพำนักโดยกษัตริย์มัวร์ ประกอบด้วยสวนไม้อันร่มรื่น น้ำพุอันชุ่มฉ่ำ และคูไว้ระบายน้ำตลอดทางเดินขึ้นไปยังราชวัง เนื่องจากแขกมัวร์มีความเชื่อว่าน้ำเป็นต้นกำเนิดแห่งความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ อาจเป็นเพราะบ้านเกิดของชาวมัวร์เป็นสถานที่แห้งแล้งก็เป็นได้

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก NH Malaga Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่หก แกรนาด้า - เมอร์เซีย
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองแกรนาด้า (Granada) (ระยะทาง 103 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada Mountains) ตรงบริเวณที่แม่น้ำดาร์โร (Darro) และแม่น้ำเฮนิล (Genil) มาบรรจบกัน ตัวเมืองตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 738 เมตร จากระดับน้ำทะเล นอกจากนี้แล้วเมืองแกรนาด้ายังเป็นที่รู้จักกันดีในสเปนเนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแกรนาด้าอันทรงเกียรติ ซึ่งจริงๆแล้วกล่าวกันว่าเมืองนี้เป็นหนึ่งในสามเมืองที่ดีที่สุดสำหรับเหล่านักศึกษา (อีกสองเมืองคือซาลามังกาและซานตีอาโก เดกอมโปสเตลา)



นำท่านเข้าชม พระราชวังอัลฮัมบร้า (Alhambra Palace) หรือที่ในอดีตชาวเมืองแกรนาด้าเคยเรียกกันว่า "ปราสาทแดง" (Red Castle) ราชวังซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาที่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ได้ทั้งเมือง สร้างขึ้นโดยราชวงศ์อาหรับอิสลามซึ่งปกครองเมืองแกรนาด้ามาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ปัจจุบันได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1984 บริเวณโดยรอบประกอบด้วย ราชวังทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน คือ Nazarius, Carlos V, และ Alkazabra นำท่านเข้าชม Nazarius ห้องโถงกลางซึ่งถูกสร้างขึ้นจากหินธรรมชาติทั้งหมด ถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงและคอนเสิร์ตทั้งหลาย เนื่องจากเสียงที่ขับร้องออกมาจากห้องโถงนี้จะดังกังวาลและไพเราะเป็นพิเศษกระทั่งคนสเปนถึงกับขนานนามว่าเป็น The Best Acoustic Ancient Place of the world นำท่านเข้าชม Alkazabra ราชวังสไตล์อาหรับอิสลามซึ่งถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบตามธรรมชาติซึ่งขนส่งมาจากประเทศเลบานอน ศิลปะลวดลายการตกแต่งกระเบื้องเซรามิคด้านในตัวอาคารมีความสวยงามมาก นำท่านเข้าชม Throne Room ห้องประชุมของสุลต่านในอดีต ประกอบด้วย Chamber จำนวน 9 ห้อง สำหรับ Minister ทั้ง 9 คน ด้านบนเพดานสลักเป็นลวดลายสวยสดงดงาม และเหนือเพดานขึ้นไปเป็นห้องพำนักของสุลต่านและภรรยาทั้งสี่ อาคารตรงข้าม Throne Room เป็นฮาเร็มสำหรับนางสนมของสุลต่าน ส่วนด้านซ้ายเป็น Palace of Lion สถานที่สำหรับจัด Private Event ของสุลต่าน, ครอบครัวสุลต่าน, และสหายคนสนิทของท่าน ด้านในจะมีห้อง Chamber ซึ่งเป็นห้องเดียวที่มีกระจกสี หรือที่เรียกว่า Stain Glass หลงเหลืออยู่ นำท่านเดินชม Generalife สวนพฤกษศาสตร์ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของสุลต่านในช่วงฤดูร้อน ตลอดข้างทางด้านซ้ายจะเต็มไปแปลงเพาะปลูกและต้นผลไม้นานาชนิด ส่วนด้านขวาจะเป็น Amphitheatre อิสระให้ท่านชื่นชมธรรมชาติและถ่ายรูปกับดอกไม้นานาชนิด ณ สวนแห่งนี้ตามอัธยาศัย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (ลิ้มลองเมนูทาปาส)
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งแกรนาด้า (Cathedral of Granada) อดีตสุเหร่าในยุคศตวรรษที่ 16 ซึ่งถูกแปลงมาเป็นมหาวิหารในยุคของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 สมัยที่ชาวคาทอลิคเข้าปกครองประเทศสเปน ตัววิหารเดิมถูกสร้างตามแบบสไตล์โกธิค แต่ถูกต่อเติมด้วยสไตล์เรเนซองส์ในเวลาต่อมา ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเมอร์เซีย (Murcia) (ระยะทาง 279 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) เมืองสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน นับเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 7 ของประเทศสเปน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารซานต้ามาเรีย (Santa Maria Cathedral) มหาวิหารซึ่งถูกสร้างขึ้นตาม พระราชประสงค์ของกษัตริย์เจมส์ที่ 1 ผู้พิชิต เพื่ออุทิศแก่พระแม่มารี โดยมหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างต่อเติมจากสุเหร่าในปี ค.ศ. 1385 เนื่องจากกษัตริย์เจมส์ไม่ประสงค์ที่จะให้ชาวคริสต์ทำลายสุเหร่าหลังจากที่คริสตศาสนิกชนเข้าปกครองสเปนทางตอนใต้แทนชาวมุสลิมหรือแขกมัวร์ การต่อเติมเสร็จสิ้นลงในปี ค.ศ.1467 แต่ตัววิหารเองก็ยังมีการถูกต่อเติมเพิ่มอีกในสไตล์โกธิคและบาร็อคจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ลงในศตวรรษที่ 18
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Nelva Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด อลิคานเต้ - บาเลนเซีย
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอลิคานเต้ (Alicante) (ระยะทาง 83 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชม.) เมืองท่าตากอากาศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในแวดวงท่องเที่ยวของชาวยุโรป เมืองนี้นอกจากจะมีหาดทรายขาวตลอดฝั่งแล้ว ยังมีร้านอาหาร, ผับ, บาร์ที่เปิดให้บริการ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวเมืองให้มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นอาคารบ้านเรือนก็ยังคงความคลาสสิคของสถาปัตยกรรมในอดีตเยี่ยงกรีกและโรมันไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย นำท่านเดินทางสู่ยอดเขา Benacantil ที่ความสูง 166 เมตรและเข้าชม ป้อมปราการซานต้าบาห์บาร่า (Santa Barbara Fortress) อดีตปราสาทและป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยชาวไอบีเรี่ยนใน ศตวรรษที่ 9 ซึ่งปกครองเมืองอลิคานเต้มายาวนานกว่า 400 ปี จนกระทั่งถูกยึดครองโดยกษัตริย์อัลฟองโซ่แห่งแคว้นคัสติลย่า และถูกยึดครองผลัดเปลี่ยนมือมาหลายยุคสมัยโดยกองทัพฝรั่งเศส, สเปน, และอังกฤษ จนกระทั่งถูกแปลงมาใช้เป็นคุกสำหรับจองจำนักโทษในศตวรรษที่ 18 เนื่องจากผนังของหนึ่งในอาคารมีความหนาถึง 3 เมตรเลยทีเดียว และปัจจุบันป้อมปราการนี้ได้เปิดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยงแก่สาธารณชนในที่สุด อิสระให้ท่านถ่ายรูปบนยอดป้อมปราการซึ่งสามารถเห็นเมืองอลิคานเต้ได้รอบด้าน 360 องศาเลยทีเดียว ได้เวลานำท่านเดินทางลงจากภูเขา Benacantil และนำท่านชม วิหารซานนิโคลัส (San Nicolas Auxilary Cathedral) วิหารโรมันคาทอลิคซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1613 ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นักบุญเซนต์นิโคลัส ตัวอาคารจะมีความหนาค่อนข้างมากเนื่องจากมีจุดประสงค์เพื่อไว้เป็นหนึ่งในอาคารหลบภัยสำหรับชาวเมืองในช่วงกลียุคที่เมืองอลิคานเต้ถูกรุกรานโดยโจรสลัด

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น


บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองบาเลนเซีย (Valencia) (ระยะทาง 181 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน หนึ่งในเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงคือ สโมสรฟุตบอล บาเลนเซีย หรือที่รู้จักกันในนาม ไอ้ค้างคาว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา เมืองบาเลนเซียได้กลายเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์, อุตสาหกรรม, วัฒนธรรม, และการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสเปน นำท่านแวะชม หอคอยเซอรานอซ (Tower of Seranos) หนึ่งในสิบสองประตูของกำแพงเมืองโบราณเมืองบาเลนเซีย ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงสองประตูเท่านั้น เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ดีที่สุด และยังเป็นเส้นแบ่งระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ จากนั้นนำท่านเข้าชม มหาวิหารซานต้ามาเรีย (Santa Maria Cathedral) มหาวิหารที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางจตุรัสมาเรียในเมืองเก่าที่ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าอาคารสำคัญๆมากมาย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1238 เป็นสไตล์ผสมผสานระหว่าง โรมาเนสก์, เรอเนอซองส์, นีโอคลาสสิก, และบาร็อคเข้าด้วยกัน ด้านในตัววิหารจะมีรูปวาดบอกเล่าเรื่องราวของพระเยซู ซึ่งวาดขึ้นโดยศิลปินชื่อดังจากกรุงวาติกัน ฟรานเชสโก้ โกย่า ส่วนด้านข้างวิหารจะเป็น เอล มิกูเลต (El Miguelete) หอระฆังที่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1381 ติดกันเป็นโบสถ์แม่พระ นักบุญอุปถัมถ์ประจำเมือง ตลอดสองข้างทางมี ภัตตาคาร, บาร์, ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย กลางจตุรัสจะมีน้ำพุผู้หญิง 8 คน และรูปปั้นผู้ชายอยู่ตรงกลาง ซึ่งหมายถึงคลองทั้ง 8 และแม่น้ำ 1 สายซึ่งอยู่รายล้อมเมืองนี้นั่นเอง อิสระให้ท่านเดินเล่น

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Best Western Albufera Hotel**** หรือเทียบเท่า

วันที่แปด คาสติญอง เดอลาพลาน่า - ตอโตซ่า - บาร์เซโลน่า

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองคาสติญอง เดอลาพลาน่า (Catellon de la Plana) (ระยะทาง 75 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) หนึ่งในอดีตดินแดนที่ถูกปกครองโดยชาวมัวร์ในอดีต ซึ่งภายหลังถูกขับไล่และปกครองโดยกษัตริย์เจมส์ที่ 1 แห่งราชวงศ์อารากอน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1233 เป็นต้นมา นำท่านชม โบสถ์ซานต้ามาเรีย (Santa Maria de la Asuncion Church) โบสถ์โบราณยุคศตวรรษที่ 13 ซึ่งถูกทำลายลง 2 ครั้งในช่วง 800 ปีที่ผ่านมา และบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ.1936 จึงเหลือสถาปัตยกรรมแบบโกธิคให้เห็นได้เพียงเล็กน้อย และหอระฆังถูกแยกออกจากตัวโบสถ์อย่างชัดเจน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองตอโตซ่า (Tortosa) เมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำและขุนเขา ในอดีตถูกเรียกว่า "เดอโตซ่า" สมัยยังปกครองด้วยจักรวรรดิมุสลิม จากนั้นเพียง 400 ปี จึงถูกยึดครองโดยท่านเคาท์รามอนที่ 5 แห่งบาร์เซโลน่า นำท่านเข้าชม โบสถ์แห่งตอโตซ่า (Tortosa Cathedral) โบสถ์ที่ผสมผสานระหว่างสไตล์โรมาเนสก์ โกธิคและ บาโรค ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 200 ศตวรรษ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13-15 ภายในตกแต่งอย่างสวยงามด้วยแท่นบูชาและรูปภาพวาดสีโบราณตั้งแต่ยุคอดีตกาล จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึก (Military Monument) เสาทรงแหลมคู่ ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่กลางแม่น้ำ บนยอดประดับด้วยนกอินทรีย์ ถูกสร้างขึ้นโดยประสงค์ของ ดอน ฟราสซิสโก้ ฟรังโก้ เพื่ออุทิศให้แก่ทหารที่เสียชีวิตจากสงครามกลางเมืองในช่วงปี ค.ศ.1936-1938 ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ กรุงบาร์เซโลนา (Barcelona) เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสเปน และเป็นท่าเรือสำคัญที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมหลากยุคสมัย มีสวนสาธารณะสิ่งแวดล้อมและการวางผังเมืองที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ชมผลงานก่อสร้างในศิลปะแบบอาร์ตนูโว ที่แสดงความงดงามอย่างมีชีวิตชีวาโดยฝีมือของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่นาม อันโตนีโอ เกาดี้ (Antonio Gaudi) ผู้ที่ทำให้เมือง บาร์เซโลนา ได้รับฉายาว่า “City of Gaudi”
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่ NH Constanza Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่เก้า บาร์เซโลน่า
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Sagrada Familia) สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 เป็นผลงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ อันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงาน ชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็น เพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงรายละเอียดไว้อย่างดี ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายในแสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2026 อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้ จากนั้นนำท่านสู่ถนนช้อปปิ้งของบาร์เซโลนา ถนนลารัม บลา (Larambla) ย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาร์เซโลนาแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ถนนสายเล็กๆ ที่มีความยาวเพียง 1.2 กิโลเมตรแต่มีสีสันเสน่ห์น่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้ง H&M, ZARA, BENETON, TOPSHOP หรือจะช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำซึ่งมีร้าน ตั้งอยู่ตลอดแนวถนน Passeig de gracia ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าอาทิ LOUIS VUITTON, CHANEL, GUCCI, LOEWE และอื่นๆ อีกมากมาย

12.30 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินบาร์เซโลน่า (BCN) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund
16.10 น. ออกเดินทางจากสนามบินบาร์เซโลน่ากลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK186 (ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง) บริการอาหารค่ำ เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่องบิน

วันที่สิบ กรุงเทพมหานคร
00.50 น. เดินทางมาถึงนครดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง
03.05 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินที่ EK 384 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหารเช้า
12.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

รายละเอียดสินค้า 99KEP-EK-GRAND-SPAIN

ข้อมูลติดต่อ
  • 99worldtravel
  • เขตชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร
  • 023314146,0922518139
  • 22 ก.ย. 2557 15:59 น.


คำเตือน!! อย่าโอนเงิน มัดจำล่วงหน้า ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ควรนัดเจอกัน พื้นที่โล่ง ไม่ไปคนเดียว และตรวจสอบสินค้าก่อนชำระเงินทุกครั้งที่มีการซื้อขาย