สินค้ารายการนี้: ท่องเที่ยว ที่พัก โปรแกรมทัวร์
ธันวาคม 2557 – เมษายน 2558
เริ่มต้น…. 72,900 บาท
ราคาทัวร์ 72,900 บาท : 1-9 ธ.ค. / 23-30 ธ.ค./ 26 ม.ค. – 3 ก.พ./ 21 ก.พ. – 1 มี.ค. / 12-20 มี.ค./ 17-25 มี.ค.
ราคาทัวร์ 75,900 บาท : 4-11 เม.ย. / 6-14 เม.ย. / 25 เม.ย. – 3 พ.ค. / 2-10 พ.ค.
ราคาทัวร์ 77,900 บาท : 9-17 เม.ย.
ราคาทัวร์ 79,900 บาท : 12-20 เม.ย.
วันแรก กรุงเทพ – อิสตันบูล – บูดาเปสต์
08.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน S (แถว S 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (TK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
11.10 น. ออกเดินทางสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบิน TK 65 (ใช้เวลาบินประมาณ 9.30 ชั่วโมง) เพลิดเพลิน กับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ บริการ อาหารกลางวันและอาหารเย็น ระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี
17.05 น เดินทางถึงกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี แวะเปลี่ยนเครื่องเที่ยวบิน TK1037
18.10 น. ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล (IST) สู่สนามบินบูดาเปสต์ (BUD) โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส สายการบินมีบริการอาหารบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชม.)
19.10 น เดินทางถึงสนามบินบูดาเปสต์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ นครบูดาเปสต์ (Budapest) นครหลวงของประเทศฮังการี ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของสหภาพยุโรป เป็นเมืองที่ตั้งอยู่สองฝั่งโดยมีแม่น้ำดานูบ (Danube River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป คั่นกลางแยกเป็นเมืองเก่า และเมืองใหม่ อันได้แก่เมือง “บูดา” และ “เปสต์” อันเป็นที่มาของคำว่า “บูดาเปสต์”
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Novotel Centrum Budapest **** หรือเทียบเท่า
วันที่สอง บูดาเปสต์ – โบสถ์แมทธิอัส - ป้อมชาวประมงบาสเตียน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชมโบสถ์แมทธิอัส (Matthias Church) โบสถ์เก่าแก่ของนครบูดาเปสต์ที่ได้รับผลกระทบจากการปกครองในแต่ละยุคสมัย จึงมีการซ่อมแซมและดัดแปลงในหลากหลายสไตล์ตามยุคสมัยนั้นๆ โดยตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นแบบโรมันเนสค์สไตล์ในปี ค.ศ. 1045 และถูกปรับปรุงให้เป็นแบบโกธิคสไตล์ในศตวรรษที่ 14 และถูกดัดแปลงให้เป็นมัสยิดตามแบบฉบับบาร็อคสไตล์เมื่อครั้งถูกยึดครองด้วยชาวเติร์กในปี ค.ศ. 1686 นอกจากนี้ตัวโบสถ์ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไว้เก็บบรรจุพระธาตุศักดิ์สิทธิ์และหินแกะสลักยุคกลาง รวมไปถึงแบบจำลองของพระมหากษัตริย์พระราชวงศ์ฮังการีและอัญมณีพิธีบรมราชาภิเษกอีกด้วย จากนั้นนำท่านเข้าชม ป้อมชาวประมงบาสเตียน (Fishermen's Bastion) นับเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองที่สวยที่สุดของนครบูดาเปสต์ และนอกจากนี้ยังเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตในการปกป้องนครบูดาเปสต์ในยุคที่ถูก ชาวมองโกลรุกรานเมื่อปี ค.ศ.1241
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองบราติสลาวา (Bratislava) (ระยะทาง 194 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เมืองหลวงของสาธารณรัฐสโลวาเกีย และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ ที่บริเวณพรมแดนของสโลวาเกียกับออสเตรียและฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเชคด้วย เมืองนี้ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเวียนนาเพียง 50 กิโลเมตร มีทัศนียภาพของอาคารบ้านเรือนริมสองฝั่งแม่น้ำที่มีความสวยงาม นำแวะถ่ายรูปกับ ปราสาทแห่งกรุงบราติสลาวา (Bratislava Castle) อยู่บนเนินเขาคาร์เบเธียนเหนือลุ่มแม่น้ำดานูบ ตัวอาคารมีหอคอยสูง 80 เมตร สร้างในศตวรรษที่ 13 ล้อมรอบปราสาททั้ง 4 ด้าน ตกแต่งด้วยศิลปะแบบโกธิค เรอเนสซองซ์ และบาร็อค เดิมเคยใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งฮังการี ปัจจุบันถูกใช้เป็นสถานที่ทำงานของประธานาธิบดี และยังเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสโลวาเกีย และใช้เป็นสถานที่รับรองแขกจากต่างประเทศ และเคยเป็นที่ประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำรัสเซียและสหรัฐอเมริกา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Bratislava **** หรือเทียบเท่า
วันที่สาม เวียนนา – ช้อปปิ้ง Outlet
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) (ระยะทาง 65 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) นครหลวงแห่งดนตรีที่แฝงไว้ด้วยความโรแมนติคอันเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี เป็นนครที่มีความทันสมัยแต่แฝงเร้นอยู่ภายใต้สถาปัตยกรรมคลาสสิคอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่ทางตอนกลางของสหภาพยุโรป เชื่อมต่ออารยธรรมระหว่างยุโรปตะวันออกและยุโรปตะวันตก ซึ่งมีพรมแดนติดกับ 8 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ เยอรมณี, เชค, สโลวาเกีย, ฮังการี, สโลเวเนีย, อิตาลี, สวิสเซอร์แลนด์, และลิคเทนสไตน์ นำท่านเดินทางสู่ THE DESIGNER OUTLET PARNDORF ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้า แบรนด์เนมมากมาย อาทิ Bally ,Burberry, Ecco , GEOX Gucci , Hugo Boss, Lacoste, Prada, Samsonite, Timberland, ช็อคโกแลตสวิส ฯลฯ
(เพื่อให้ท่านได้ช้อปปิ้งอย่างเต็มที่ อาหารกลางวันไม่รวมในโปรแกรมวันนี้)
16.00 น. นำท่านเดินทางสู่กรุงเวียนนา เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจ และการปกครอง มีประชากรประมาณ 1.6 ล้าน นำท่านชมเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดทะเลเลย ประเทศเล็กๆมีพื้นที่เพียง 80,000 ตารางกิโลเมตร เท่านั้น ครอบคลุมเทือกเขาแอลป์ซีกตะวันออกกั้นทางใต้ของยุโรปตอนกลาง ซึ่งมีแม่น้ำดานูบไหลผ่านเป็นระยะทาง 350 กิโลเมตร นำท่านเดินเล่นใน สวนสาธารณะ STADTPARK อันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ โยฮันเสตราท์ นักไวโอลินชื่อดังก้องโลก นำท่านเดินทางสู่ร้านเครื่องแก้ว SWAROVSKI อิสระให้ท่านชมและเลือกซื้อเครื่องแก้วอันมีชื่อเสียงของออสเตรียตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Austria Trend Savoy Vienna **** หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ เวียนนา - พระราชวังเชิงบรุนน์ – เมืองมรดกโลกเชสกี้ครุมลอฟ - ปราสาทครุมลอฟ
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเข้าชมพระราชวังเชิงบรุนน์ (SCHOENBRUNN PALACE) ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17-18 โดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮับส์เบริ์ก พระราชวังอันยิ่งใหญ่นี้ถูกสร้างขึ้นให้มีความงดงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ พระราชวังแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ประทับของพระนางมาเรียเทเรซ่า นำท่านเข้าชมห้องภายในพระราชวังกว่า 20 ห้อง จาก 1,441 ห้อง ที่จัดแสดงไว้อย่างน่าชม ผ่านห้องทรงงาน ห้องบรรทม ห้องแกลลอรี่ ห้องมิลเลี่ยน ห้องไชนีส สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ฮับส์เบริ์ก อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเชสกี้ครุมลอฟ (CESKY KRUMLOV) (ระยะทาง 269 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ช.ม.) สมญาเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย โดยองค์กรยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1992 นำท่านชมความสวยงามของ เมืองเชสกี้ครุมลอฟ ซึ่งตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 หลัง ได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ศูนย์กลางของเมืองนี้ คือ ปราสาทครุมลอฟ (Krumlov Castle) ปราสาทอายุกว่า 700 ปี ผ่านการครอบครองของขุนนางถึง 3 ตระกูล ที่ใช้เป็นคฤหาสน์ส่วนตัว ก่อนจะตกเป็นสมบัติของรัฐบาลในที่สุด เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสาธารณรัฐเชครองจากปราสาทแห่งกรุงปราก ตัวปราสาทมีหอคอยสีชมพูตั้งเด่นเป็นสง่าทึ่มองจากจุดไหนในเมืองก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเขาลูกเตี้ยๆที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำรวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆซึ่งกลมกลืนกับตัวปราสาทและภูเขาได้อย่างลงตัว อิสระให้ท่านได้ถ่ายภาพความงดงามของปราสาทครุมลอฟและเมืองมรดกโลกแห่งนี้ตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Old Inn Cesky Krumlov **** หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า ปราก – ปราสาทแห่งกรุงปราก – มหาวิหารเซนต์วิตัส - เดอะโกลเดนเลน
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ กรุงปราก (Prague) (ระยะทาง 178 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ช.ม.) เมืองแห่งปราสาทร้อยยอด เป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่า มงกุฎแห่งยุโรป” เป็นเมืองโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ปรากเป็นเมืองหลวง และเมืองใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเชค มีประชากรประมาณ 1.2 ล้านคน ในปี ค.ศ.1992 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้กรุงปรากเป็นเมืองมรดกโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเที่ยวชมกรุงปราก นำท่านเข้าชมความสวยงามของ ปราสาทแห่งกรุงปราก (Prague Castle) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา อดีตที่ประทับจักรพรรดิแห่งโบฮีเมีย ปัจจุบันเป็นที่ทำการของคณะรัฐบาล นำท่านชมวิวสวยบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นตัวเมืองปรากที่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำ ท่านจะเห็นถึงชื่อที่มาของเมืองแห่งปราสาทร้อยยอด โดยท่านจะเห็นยอดแหลมของอาคารต่างๆมากมายรวมทั้งยอดโบสถ์ต่างๆอีกด้วย นำท่านเดินผ่านเขตอุทยานที่สวยงาม ชมอาคารสำคัญๆมากมาย จากนั้นนำท่าน เข้าชมมหาวิหารเซนต์วิตัส (St. Vitus Cathedral) มหาวิหารประจำราชวงศ์ซึ่งสร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ที่ประดับด้วยกระจกสีสแตนกลาสอย่างสวยงาม นำท่านเดินทางสู่ เดอะโกลเดนเลน สถานที่เคยเป็นที่อยู่ของช่างเล่นแร่แปรธาตุในยุคแรก ๆ และเปลี่ยนมาเป็นที่พักขององครักษ์ มหาดเล็กและปัจจุบันเป็นแกลเกอรี่ หรือร้านขายของที่ระลึกต่างๆ นำท่านเดินลงจากปราสาทแห่งกรุงปรากซึ่งท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงามสู่ สะพานชาร์ลส ที่ทอดข้ามแม่น้ำวัลตาวา สัญลักษณ์ที่สำคัญของปรากที่สร้างขึ้นในยุคของกษัตริย์ ชาร์ลสที่ 4 ปัจจุบันเป็นสถานที่ที่เหล่าศิลปินต่างๆนำผลงานมาแสดงและขายให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Crowne Plaza Prague **** หรือเทียบเท่า
วันที่หก เมืองคาร์โลวี วารี – เมืองเดรสเด้น
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำคณะออกเดินทางสู่ เมืองคาร์โลวีวารี (Karlovy Vary) (ระยะทาง 124 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) อีกเมืองสวยของสาธารณรัฐเชค หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เมืองคาร์ลบาด เป็นเมืองที่มีการค้นพบน้ำแร่ โดยพระเจ้าคาร์ลที่ 4 ที่ดำรงตำแหน่งเป็นพระจักรพรรดิ์แห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก นำท่านเที่ยวชม “เมืองน้ำแร่” แสนสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโบฮีเมีย ลักษณะเมืองอยู่ในหุบเขาสองฝั่งแม่น้ำเทบลา ดินแดนแห่งนี้เป็นที่ค้นพบแหล่งน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ และมีบ่อน้ำพุร้อนถึง 12 แห่งที่ร้อนที่สุด อยู่ในศูนย์นิทรรศการที่มีความร้อนถึง 72 องศาเซลเซียส ภายในจัดแสดงสายน้ำแร่ นักท่องเที่ยวสามารถชิมน้ำแร่ด้วยถ้วยชิมเฉพาะพิเศษ ที่ทำจากพอร์ซเลนในเมืองนี้เท่านั้น เมืองนี้เป็นที่นิยมในการเข้าคอร์สสปาเพื่อรักษาสุขภาพ และยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม เหมาะแก่การเดินเที่ยวชมเมืองเป็นอย่างยิ่ง อาทิ โบสถ์ของแมรี่ เมดิลีน และโบสถ์สไตล์รัสเซียน ออร์ธอดอกซ์วิหารของเซนต์ปีเตอร์และเซนต์ปอล อาคารก่อสร้างในสถาปัตยกรรม ทูโอดอร์ หรือหาซื้อเหล้าพื้นเมืองที่มี ชื่อเสียง BECHEROVKA โดยมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตจากสมุนไพร เป็นของที่ระลึก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเดรสเด้น (Dresden) (ระยะทาง 167 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ช.ม.) ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับความแตกต่างของภูมิประเทศอันสวยงาม เดรสเด้นมีประวัติอันยาวนานตั้งแต่สมัยกลางศตวรรษที่11 เมื่อมีการตั้งศูนย์มิชชั่นนารีขึ้นโดยพระและเปลี่ยนมาเป็นศูนย์กลางของศิลปะและความรู้ของแคว้นแซกโซนี่ นำท่านชม เมืองเดรสเด้นฉายา "กรุงฟลอเรนซ์แห่งแม่น้ำเอลเบ้” ที่ชาวเมืองต่างภูมิใจว่าในอดีตที่นี่คือเมืองที่สวยที่สุดในเยอรมนี ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้งดงามเหมือนก่อนถูกระเบิดทางอากาศทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ศาลาว่าการเมืองและโบสถ์ครูช โบสถ์เก่าแก่ที่สุดของเมือง สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 เชื่อกันว่ามีชิ้นส่วนของไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ตรึงพระคริสต์ ชมบริเวณตลาดเก่าอันเป็นที่ตั้งของ "โรงละครประจำเมือง" ซึ่งมีศิลปะการก่อสร้างสไตล์อาร์ต นูโว จากนั้นอิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปบริเวณลานหน้าพระราชวังซวิงเกอร์ นำท่านชม โบสถ์เฟราเอ่น หรือโบสถ์แม่พระ มีโดมรูประฆังเหนือโบสถ์ อันเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นของเมืองเดรสเด้นที่ชาวยุโรปรู้จักกันมากว่า 200 ปี เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ชาวเมืองมาโดยตลอด อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Dresden Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด เบอร์ลิน - เชคพอยท์ชาร์ลี – มหาวิหารแห่งเบอร์ลิน - ประตูบรานเดนบวร์ก
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำทุกท่านเดินทางสู่เมืองเบอร์ลิน (Berlin) (ระยะทาง 192 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองหลวงอันงามสง่าของเยอรมนี หลังจากการรวมประเทศแล้ว เบอร์ลินถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นเมืองที่ทันสมัยและมีความพร้อมเป็นเมืองหลวงใหม่ นำท่านเที่ยวชม กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงใหม่ ชมร่องรอยในประวัติศาสตร์แห่งการปกครอง ที่แยกเยอรมนีออกเป็นสองฝั่งระหว่างตะวันตกและออก เข้าสู่อีสต์-ไซด์-แกลลอรี่ ที่ทิ้งร่องรอยของกำแพงเบอร์ลิน ฉากต่างๆที่เกิดจากการพลัดพรากของเหตุการณ์วันที่ 13 สิงหาคม 1961 วันเริ่มการสร้างกำแพงที่มีความยาวกว่า 100 ไมล์ สูง 4 เมตร ถูกถ่ายทอดเป็นภาพวาดที่เกิดจากศิลปินกว่า 118 ท่านบนซากกำแพงกว่า 1,200 หลา ที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆแทนคำพูดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเป็นภาพเขียนศิลปะที่ยาวที่สุดในโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูป ณ จุดเชคพอยท์ชาร์ลี (Checkpoint Chalie) มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์สมัยแบ่งประเทศเป็นอย่างมากเพราะเป็นจุดผ่านแดนระหว่างเบอร์ลินตะวันตกซึ่งเป็นโซนของสหรัฐอเมริกาและเบอร์ลินตะวันออกซึ่งเป็นเขตของรัสเซีย จากนั้นไปแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งเบอร์ลิน (Berlin Cathedral) มหาวิหารโปรเตสแตนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนีสร้างในระหว่างปี1894-1905 ในรูปแบบสไตล์อิตาเลียนเรอเนสซองส์ จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ ประตูบรานเดนบวร์ก (Brandenburg Gate) ประตูสัญลักษณ์ของเมืองด้านบนเป็นรูปปั้นของเทพีแห่งชัยชนะสีทองเด่นตระหง่าน สถานที่แห่งนี้ถือเป็นเครื่องหมายแห่งความสงบสุขและมีความสำคัญโดยเป็นจุดแบ่งกรุงเบอร์ลินออกเป็นสองส่วนคือ ตะวันออกและตะวันตก นำท่านถ่ายรูปกับ อาคารรัฐสภา (Reichstag) อาคารที่ใช้เป็นรัฐสภาแห่งเยอรมนี สร้างขึ้นด้วยศิลปะอิตาเลียนเรอเนสซองส์ ในปี 1884-1894 อาคารรัฐสภาแห่งนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ครั้งสาธารณะรัฐไวมาร์จนหลังสงครามโลกได้มีการสร้างโดมแก้ว ครอบตัวอาคารโดยสถาปนิกชื่อก้องโลกชาวอังกฤษ เซอร์นอร์แมนฟอสเตอร์ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ถนนคนเดิน Kurfuerstendamm และถนน Tauentzien อันเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าและดีพาร์ทเม้นสโตร์ และบูติกที่อยู่ท่ามกลางถนนสำหรับเดินเล่นที่สวยที่สุด อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Berlin Hotel **** หรือเทียบเท่า
วันที่แปด เบอร์ลิน – โบสถ์ไกเซอร์ วิลเฮล์ม
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านแวะถ่ายรูปกับ โบสถ์ไกเซอร์-วิลเฮล์ม (Kaiser-Wilhelm-Gedachtniskirche) หรือ "โบสถ์หัก" โบสถ์เก่าแก่ที่ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1890 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 1 ต่อมาได้รับความเสียหายจากการโจมตีโดยการทิ้งระเบิดในปี ค.ศ. 1943 โบสถ์ไกเซอร์-วิลเฮล์มสร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค นำท่านถ่ายรูปกับ หอนาฬิกา ที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนซากปรักหักพังของโบสถ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 ซึ่งหากมาในตอนกลางคืนจะเห็นหอนาฬิกาแห่งนี้สามารถเรืองแสงได้อีกด้วย ได้เวลานำท่านสู่จัตุรัสอเล็กซานเดอร์พลาทซ์ (Alexanderplatz) จตุรัสเปิดขนาดใหญ่และศูนย์กลางขนส่งมวลชนในเบอร์ลินชั้นใน ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำสปรีและมหาวิหารเบอร์ลิน นำท่านแวะถ่ายรูปกับหอโทรทัศหอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม (Fernsehturm) ที่ อเล็กซานเดอร์พลาทซ์ เป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป คือ มีความสูงประมาณ 368 เมตร หอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม สร้างในปี ค.ศ. 1969 นักท่องเที่ยวที่มาเยือน เขตมิทเทอสามารถมองเห็นหอนี้ได้จากเกือบทุกเขตศูนย์กลางของเมือง จากนั้นนำท่านสู่ อาคารที่ว่าการเมือง หรือที่เราเรียกกันว่า ศาลากลางแดง (Red City Hall) เป็นศาลากลางของกรุงเบอร์ลิน เป็นอีกหนึ่งอาคารที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอิฐแดง สร้างขึ้นระหว่าง ปีค.ศ.1861 - 1869 บริเวณด้านหน้าของที่ว่าการเมืองมีน้ำพุเนปจูน Neptunbrunnen ซึ่งเป็นน้ำพุที่ประดับด้วยฉากจากตำนานเทพปกรณัม อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย
12.00 น. นำทุกท่านเดินทางสู่ สนามบินแบรนเด็นเบิร์ก กรุงเบอร์ลิน (BER) เพื่อเตรียมตัวกลับสู่กรุงเทพฯ มีเวลาให้ท่านได้ทำคืนภาษีและเลือกซื้อสินค้าต่างๆมากมายจากร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
14.50 น. ออกเดินทางสู่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยเที่ยวบินที่ TK1726 มีบริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่องบิน
18.35 น. เดินทางมาถึงสนามบินอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี แวะเปลี่ยนเครื่อง
20.50 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TK 64 สายการบินฯ มีบริการอาหาร 2 รอบ คือ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า
วันที่เก้า กรุงเทพมหานครฯ
09.25 น เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)